สร้างสรรค์พื้นที่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ “The Re-Vibe of Phannapast”

2021-03-19

The Re-Vibe of Phannapast

เม็ดกระเบื้องโมเสก Mural Art Tile เล็กๆ ถูกปะติดปะต่อเป็นงานศิลปะยาวหลายเมตร ถ่ายทอดเรื่องราวที่กระตุ้นให้ทุกคนได้ลองค้นหาตัวเองให้ลึกในทุกซอกหลืบจิตใจ เพื่อเรียนรู้และยอมรับความเป็นตัวเอง เช่นเดียวกับเบื้องหลังทุกการทำงาน รวมถึงการใช้ชีวิตของ Phannapast ที่ เกิดขึ้นจากการตกตะกอนและร้อยเรียงการเรียนรู้ตัวเอง การเรียนรู้โลก ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เข้ามาผสมผสานสู่ความเป็นเธอ ผ่านงานศิลปะที่เต็มไปด้วยสีสัน รายละเอียด และเรื่องราวภายใต้เอกลักษณ์ลายเส้น ผ่านที่อยู่อาศัยที่ “Re-Vibe” เชื่อมโยงตัวตนของเธอทั้งในอดีต ปัจจุบัน และปัจจุบันเข้าด้วยกัน พร้อมสร้างสรรค์แรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้เสมอ

จากการเรียนรู้ตัวตน การเรียนรู้โลก สู่การสร้างเอกลักษณ์ความเป็น Phannapast

“ไม่ว่าจะทำอะไร ยูนจะเริ่มต้นจากการเรียนรู้ว่าตัวเองชอบ ไม่ชอบอะไร อย่างยูนรู้ตัวเองว่าเป็นคนแพ้ที่โล่ง รู้สึกไม่ปลอดภัย ทำให้เป็นชอบสเปซที่มีสีสัน มีองค์ประกอบต่างๆ รอบตัว เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย ในส่วนของการทำงาน ยูนก็จะต้องกลับไปเรียนรู้โลกที่ผ่านมาว่า คนมีวิถีชีวิต มีความคิดอย่างไร แล้วมาดูว่าในปัจจุบันคนยังคิดเหมือนเดิมหรือเปล่า มีอะไรที่ทำให้เขามีความคิดกับสิ่งนั้นเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ดังนั้นการสร้างอัตลักษณ์สำหรับยูนจึงมาจากการค่อยๆ เรียนรู้ตัวเอง ค่อยๆ เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ที่เปลี่ยนไป แน่นอนว่าโลกเราเปลี่ยนไปทุกวัน มีเทรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้น มีวิถีชีวิตใหม่ๆ เกิดขึ้น แต่ทั้งหมดนี้เราต้องนำมาย้อนดูด้วยว่า เรารู้สึกกับสิ่งนั้นอย่างไร คิดอะไรอยู่ แล้วจับมาชนกัน การเรียนรู้อดีตก็เพื่อเข้าใจตัวเองในปัจจุบัน จากนั้นจึงนำสิ่งที่เป็นอนาคตเข้ามา Twist ให้ทุกอย่างกลมกลืน และเป็นวิถีชีวิตของเราในปัจจุบัน ซึ่งทุกผลงานของยูนใช้วิธีคิดแบบนี้ค่ะ”

นิทรรศการ Venus in the Shell กับความร่วมมือระหว่าง COTTO x Phannapast

“นิทรรศการ Venus in the Shell เป็น Solo Exhibition ครั้งที่ 2 ของยูน โดยถ่ายทอดเรื่องราวภายในจิตใจผ่านการตีความจากประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิต โดยได้ร่วมงานกับแบรนด์ Cotto ในส่วนของ ‘Moonlight Dive’ ที่อยู่ในนิทรรศการนี้ ถ่ายทอดเรื่องราวการดำน้ำลงไปในเงามืดใต้แสงจันทร์ ที่สะท้อนเหมือนตัวเราดำดิ่งลึกเข้าไปในเงาของเรา สำรวจภายในจิตใจของเรา เพื่อรู้จักกับตัวตนในนั้นว่าตัวเรานั้นมีสัตว์ประหลาดตัวไหนซ่อนอยู่บ้าง โดยยูนแทนอารมณ์ต่างๆ อย่างความโกรธ ความไม่ชอบใจ ความเอาแต่ใจฯลฯ ด้วยสัตว์ประหลาดต่างๆ โดยชิ้นงานสร้างสรรค์จาก Mural Art Tile ของแบรนด์ Cotto ซึ่งเป็นกระเบื้องโมเสกทำจากวัสดุรีไซเคิล ที่ใช้เทคนิคเรียงเม็ดกระเบื้องทีละเม็ดเป็นภาพงานศิลปะขนาดยาว 16 เมตร สูง 2.3 เมตร ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำทั้งหมดถึง 1,500 ชั่วโมงค่ะ”

การใช้ชีวิตผ่านมุมมอง Re-desire for Life

“การใช้ชีวิต และการอยู่อาศัยของเรา มันก็เป็นสิ่งที่สะท้อนความชอบ ความคิด และแนวคิดของเรา ที่ต้อง Re-Vibe หรือค่อยๆ เรียนรู้ตัวเองไปเรื่อยๆ ค่อยๆ จัดแต่งสิ่งที่เป็นเราเข้าไป ซึ่งบ้านของยูนมันคงไม่โมเดิร์นจ๋า เหมือนกับงานของยูนที่เข้ากับยุคปัจจุบัน คำนึงถึงอนาคต และยังเรียนรู้สิ่งที่เป็นอดีตหรือเป็นรากอยู่ ดังนั้นแนวทางการแต่งบ้านของยูนก็คงจะไม่ทิ้งของเก่าออกไป แต่จะทำให้ทุกอย่างสามารถรวมอยู่กันได้อย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะเป็น สิ่งที่สะสมที่เป็นของวินเทจ งานเซรามิกที่ชอบ ซึ่งยูนไม่ได้ชอบของที่เป็นวัฒนธรรมเดียว แต่ชอบของจากหลายที่ แล้วนำมาจัดเข้าด้วยกันให้เป็นเราขึ้นมา ดังนั้นถามว่าสไตล์เป็นแบบไหน ก็คงเป็นสไตล์ที่มีของจุกจิก เหมือนเข้าไปในห้องเก็บของสะสมอะไรบางอย่าง บางจุดอาจจะดูรกนิดหนึ่ง แต่มันก็เป็นชีวิต ยูนอยู่ในที่ที่จัดเป็นระเบียบเรียบร้อยทุกองศาไม่ได้นะ”

สเปซในบ้านที่เสริมพลังสร้างสรรค์

“มุมทำงานที่มีแสงธรรมชาติ และมีลมพัดตลอดเวลา ซึ่งยูนเพิ่งรีโนเวทมุมนี้ให้มีหน้าต่างบานใหญ่หันไปในทิศที่เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาตลอดเวลา แสงก็จะลงที่โต๊ะทำงานยูนพอดี ส่วนงานเฟอร์นิเจอร์ยูนจะชอบเรียบๆ พื้นๆ และเพิ่มความมีสีสันด้วยของประดับตกแต่งแทน ส่วนตัวยูนชอบเฟอร์นิเจอร์ไม้ แต่ปัจจุบันนี้อาจจะไม่ได้ใช้ไม้ 100% เพราะการดูแลรักษาค่อนข้างยาก ก็จะเลือกใช้วัสดุเป็นกระเบื้องเข้ามาแทนบ้างค่ะ”

วิถีชีวิตใหม่ กับมุมมองใหม่ ผ่านโลกยุคใหม่หลังโควิด-19

“คนอยู่บ้านมากขึ้น อยากจะมีสเปซของตัวเองมากขึ้น และเริ่มหาพื้นที่ ที่เป็นตัวเองมากขึ้น เป็นพื้นที่ที่เราสามารถเข้าไปหลบได้ และเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเราจริงๆ เทคนิคการแต่งบ้านของยูนคือยูนจะไม่แต่งให้เป็นบ้านตัวอย่าง และยูนจะเข้าไปอยู่ก่อน แล้วเราจะรู้ว่าเราให้ความพิเศษกับมุมไหน และเราค่อยๆ ทำบ้านนั้นให้เป็นบ้านของเราขึ้นมา ดังนั้นต่อไปคนจะค่อยๆ เรียนรู้ ค่อยๆ ทำบ้าน ไม่จำเป็นจะต้องคิดรวบยอดแล้วจัดการให้จบทีเดียว เพราะสุดท้ายแล้วบ้าน การตกแต่ง หรือการใช้ชีวิตมันก็คือ Re-Desire ที่เราค่อยๆ เรียนรู้กันไปเรื่อยๆ และสร้างแรงบันดาลใจได้เรื่อยๆ”