COTTO เล็งเห็นถึงความสำคัญ ของการสร้างผลิตภัณฑ์ให้ได้ระดับมาตรฐานสากล ทั้งในด้านการพัฒนามาตรฐานการผลิต ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ และต้องคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยศักยภาพในการนำเข้าสู่ประเทศต่างๆ ล้วนต้องผ่านมาตรฐานรายประเทศที่มีความแตกต่างกัน ทำให้การยกระดับคุณภาพการผลิตเพื่อตอบสนองมาตรฐานสินค้า ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากความสำคัญในการพัฒนาด้านดีไซน์
ก้าวสู่มาตรฐานระดับนานาชาติ เพื่อการแข่งขันในระดับสากล
คือ ฉลากสำหรับผลิตภ้ณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อ้างอิง ตาม มาตรฐานสินค้า ISO 14021
เครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่เกี่ยว ข้องกับระบบประปา สุขภัณฑ์ และระบบน้ำทิ้ง ซึ่งสินค้า ที่ใช้เครื่องหมาย Water Mark จะต้องได้รับการรับรอง จาก Standard Australia Limited ประเทศออสเตรเลีย
ฉลากแสดงความสามารถในการประหยัดน้ำที่มากกว่า โดยหลักเกณฑ์ การให้จำนวนดาวได้รับการรับรองจาก รัฐบาลออสเตรเลีย
เครื่องหมายมาตรฐานสินค้าจาก The Bureau of Product Standard ประเทศ Philippines ผลิตภัณฑ์ที่จะนำ เข้าประเทศฟิลิปปินส์ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน Philippines Standard Certification Mark (PS Mark)
เครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจาก SIRIM (Standards and Industrial Research Institute of Malaysia ผลิตภัณฑ์ ที่จะนำ เข้าประเทศมาเลเซีย ต้องเป็นไปตาม มาตรฐาน Malaysia Standard (MS Mark) ทั้งนี้ Product Certification Scheme เป็นการขอ MS Mark ซึ่งต้องผ่านการตวจสอบโรงงาน ผลิตและมีการต่ออายุการใช้เครื่องหมายดังกล่าวทุกปี
เป็นมาตรฐานการขึ้นทะเบียนฉลากคาร์บอน จากองค์กร การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย รับรองให้กับผลิตภัณฑ์ที่สามารถ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในกระบวนการผลิตและ เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เพื่อสถาปัตยกรรมที่ยั่งยืนด้วยมาตรฐานระดับสากล LEED
EED คือ ระบบการให้คะแนนเพื่อประเมินระดับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ของอาคาร หรือสิ่งก่อสร้าง ซึ่งเป็นที่ยอมรับและถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก ระบบนี้ได้ถูก พัฒนาโดยองค์กรของสหรัฐอเมริกาชื่อ U.S. Green Building Council (USGBC) โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรของอาคาร ได้แก่ พลังงาน น้ำ และวัสดุ ประกอบอาคาร ซึ่งคำนึงถึงตลอดวงจรชีวิตของอาคาร (การคัดเลือกที่ตั้งอาคาร การ ออกแบบ การก่อสร้าง การใช้งาน การบำรุงรักษา และการรื้อถอน)
การที่อาคารหลังหนึ่ง จะได้รับการรับรองคุณภาพจาก LEED ได้นั้น จะต้องผา่นการสะสม คุณภาพและความน่าเชื่อถือ เพื่อเข้าเกณฑ์การจัดอันดับคะแนน โดยมีหลักเกณฑ์ในการ พิจารณา แบ่งได้เป็น 7 หัวข้อหลัก ได้แก่
การใช้ประโยชน์จากที่ตั้ง อย่างยั่งยืน
หัวข้อนี้ในการรับรอง เฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา
การใช้พลังงานและบรรยากาศ
ประสิทธิภาพในการใช้น้ำ
คุณภาพสภาพแวดล้อม ภายในอาคาร
การเลือกใช้วัสดุและทรัพยากร ในการก่อสร้าง
นวัตกรรมและกระบวนการ
LEED มีการรับรองคุณภาพ 4 ระดับ ซึ่งขึ้นอยู่กับคะแนนทั้งหมดที่โครงการนั้นๆ ได้รับ ทั้งนี้ หากระดับการรับรองคุณภาพยิ่งสูง อาคารหลังนั้นจะยิ่งมีประสิทธิภาพมากและยั่งยืน ยิ่งขึ้น ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ เพื่อให้ง่ายต่อการปฏิบัติ LEED ยังได้แบ่งประเภทการรับรองอาคารและ สิ่งก่อสร้าง ออกเป็นดังนี้ LEED for Construction and Major Renovations, LEED for Existing Building: Operation and Maintenance, LEED for Commercial Interiors, LEED for Core and Shell, LEED for Neighborhood Development, LEED for Schools, Retail, Healthcare and LEED for Homes
อาคารที่ดีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนหนึ่งย่อมมาจากวัสดุหรือผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่เป็น มิตรต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน SCG จึงเล็งเห็นความสำคัญในจุดนี้ และเพื่อแสดงในเห็นถึง จุดยืน ด้านการให้ความร่วมมือในการพัฒนาอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้สมัคร เป็นสมาชิกของ U.S. Green Building Council ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลก ที่ให้ความสำคัญ และสนับสนุุนอาคารประเภทนี้ โดย SCG ได้มีส่วนช่วยในการจัดหาข้อมูลสำคัญของ ผลิตภัณฑ์ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อประกอบกันตามหลักเกณฑ์ของ LEED ดังต่อไปนี้
Sustainable Site
การใช้ประโยชน์จากที่ตั้งอย่างยั่งยืน
การใช้ประโยชน์จากที่ตั้งอย่างยั่งยืน คือ สร้างผลกระทบต่อที่ตั้งอาคารต่ำ ช่วยลด การใช้รถส่วนตัว เพิ่มพื้นที่เปิดโล้งสีเขียว ลด การเกิดน้ำท่วมล้น ลดปรากฎการณ์เมือง ร้อน และลดการก่อมลภาวะทางแสง ซึ่งทาง SCG ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของ SCG สามารถ ช่วยในเรื่อง การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การลดการ เกิดน้ำท่วมล้น และการช่วยลดการเกิด ปรากฎการณ์เมืองร้อน
Water Efficiency
ประสิทธิภาพในการใช้น้ำ
ประสิทธิภาพในการใช้น้ำ คือ ลดความต้อง การใช้น้ำประปาในพื้นที่ ภูมิสถาปัตยกรรม ลดความต้องการน้ำประปาในการชำระล้าง โถสุขภัณฑ์ และโถปัสสาวะ ลดการใช้น้ำโดย รวมภายในอาคาร จากหลักเกณฑ์ในข้อนี้ ผลิตภัณฑ์ของ SCG ได้ออกแบบมาให้มีการ บริโภคน้ำที่ต่ำ แต่ยังคงไว้ซึ่ง คุณภาพการใช้ อื่นๆ และนั้นทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถ ตอบโจทย์ในหัวข้อนี้ได้เป็นอย่างดี
Energy & Atmosphere
การใช้พลังงานและบรรยากาศ
การใช้พลังงานและบรรยากาศ คือ การช่วยลดการใช้พลังงานของอาคาร สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน การตรวจสอบการใช้ พลังงานของอาคาร ที่เป็นระบบ สารทำความเย็นที่ส่งผลกระทบต่ำ การซื้อพลังงานจากโรงไฟฟ้า ที่ผ่านการรับรองว่าผลิตไฟฟ้าจาก พลังงานหมุนเวียน โดยพื้นฐานทาง SCG ได้ เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องพลังงานมาอย่างยาวนานเช่นเดียวกันกับ LEED ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ของทาง SCG ทั้งในส่วนวัสดุ กรอบอาคาร หรือ ภูมิสถาปัตยกรรมจึงถูกพัฒนาความสามารถให้ช่วยลดการใช้พลังงาน แต่ยังคงมอบภาวะน่าสบายให้กับผู้ใช้ อาคาร ได้อย่างสมดุลย์
Material & Resources
การเลือกใช้วัสดุและทรัพยากรในการก่อสร้าง
การเลือกใช้วัสดุและทรัพยากรในการก่อ สร้าง คือ มีการเตรียมพื้นที่คัดแยกขยะ เพื่อการรีไซเคิล การนำอาคารหรือองค์ประกอบอาคารมาใช้ใหม่ การลดขยะ จากการก่อสร้าง การใช้วัสดุรีไซเคิล การใช้วัสดุพื้นถิ่น การใช้วัสดุปลูกทดแทน ได้เร็ว การใช้ไม้ที่ผ่านการรับรองว่ามาจากป่าทดแทนที่มีการรับรอง ในจุดนี้ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ในการผลิตวัสดุอย่างคุ้มค่า ถือเป็นปรัชญา ในการทำธุรกิจของ SCG มาเนิ่นนาน ดังนั้น การสนับสนุนการใช้วัสดุพื้นถิ่น รวมถึงการ ใช้วิทยาการความรู้ในการนำวัสดุที่ใช้แล้ว มาเป็นส่วนหนึ่งของการ พัฒนาผลิตภัณฑ์ และยังคงไว้ซึ่งคุณภาพของการใช้งานวัสด ุอย่างดีเยี่ยม จึงถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในข้อนี้เช่นกัน