Dream destinations with the great design to die for! 10 จุดหมายกับดีไซน์อันโดดเด่นที่ชาตินี้ต้องไปดู

2020-11-30

 

The world famous designers

10 ดีไซเนอร์ผู้สร้างสรรค์ผลงานระดับโลก

 

                โลกของการออกแบบนั้นมีอะไรให้เราได้ค้นหาอยู่เสมอ ด้วยผลงานและความคิดสร้างสรรค์จากเหล่า
ดีไซเนอร์มากความสามารถที่รังสรรค์สิ่งต่างๆ ออกมาได้มากมาย ยิ่งในปัจจุบัน งานออกแบบมิได้จำกัดอยู่เพียงแค่เรื่องของศิลปะและงานดีไซน์เท่านั้น แต่ยังคงไว้ซึ่งประโยชน์ใช้สอยและฟังก์ชันการใช้งานที่รองรับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานอย่างครบถ้วน เรียกว่ามีความเป็น Ergonomic design หรือการออกแบบด้วยหลักการยศาสตร์ ซึ่งเป็นการออกแบบโดยอาศัยความรู้ทางพื้นฐานทางคุณลักษณะของร่างกาย สรีระ การทำงานและความคิดของมนุษย์ เพื่อการใช้งานที่ได้ประสิทธิผลมากขึ้น  

                มาทำความรู้จักกับนักออกแบบสุดยอดฝีมือในศตวรรษนี้กัน


1. Naoto Fukasawa นักออกแบบผู้สร้างงาน “ดีไซน์” ให้กลายเป็นสิ่งจำเป็น

 

 

นาโอโตะ ฟุคาซาวะ เป็นหนึ่งในนักออกแบบผลิตภัณฑ์ชาวญี่ปุ่น ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่า เป็นดีไซเนอร์สายมินิมอลที่เข้าถึงคุณค่าแท้จริงของวัตถุ ด้วยแนวคิดการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น งานของเขาเน้นความเรียบง่าย โดยมีแนวคิดในการออกแบบคือ ”ออกแบบสิ่งที่จำเป็น” เขาเชื่อว่านักออกแบบควรสร้างสิ่งต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่ยังขาดหายของมนุษย์ และควรออกแบบสิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับสิ่งต่างๆ ดีขึ้น นอกจากนี้เขายังเชื่อว่า การออกแบบที่ดีที่สุด คือทำให้ผู้ใช้งาน ‘ละทิ้งความคิด’ แล้วหันมาใช้ ‘ความรู้สึก’ ในการใช้ผลิตภัณฑ์แทน

                นาโอโตะ ฟุคาซาวะเริ่มเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างในปี ค.ศ. 1999 จากผลงานเครื่องเล่นซีดีของแบรนด์
มูจิ (MUJI) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากพัดลมดูดอากาศแขวนผนังในห้องครัว เครื่องเล่นซีดีชิ้นนี้มีวิธีการทำงานแสนเรียบง่ายเพียงแค่ดึงสายเปิด-ปิด ตัดกระบวนการคิดของผู้ใช้งานออกหมดสิ้น ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องสัญชาติญาณและความรู้สึกแทน ต่อมาผลงานชิ้นนี้ได้รับคัดเลือกไปจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (Museum of Modern Art: MoMA) ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย 

 


                ล่าสุดฟุคาซาวะได้ร่วมมือกับแบรนด์จากประเทศไทยอย่าง​คอตโต้ (COTTO) ในการออกแบบสุขภัณฑ์หรูหราสไตล์มินิมอล คอลเลคชันใหม่ OVAL ซึ่งได้แนวคิดมาจาก ‘วงรี’ ที่เขามองว่าให้ความรู้สึกอบอุ่น นุ่มนวล และเกี่ยวพันกับธรรมชาติของมนุษย์ เป็นการออกแบบสุขภัณฑ์ที่ตรงกับแนวคิดของเขาคือ เป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่รองรับสรีระของร่างกาย และมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน สุขภัณฑ์แต่ละชิ้นภายในคอลเลกชั่นได้รับการออกแบบให้สอดรับกันอย่างลงตัวเมื่อวางเข้าชุดกัน ภายใต้ภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูเรียบง่าย สามารถใช้ได้จริงในทุกๆ วัน พร้อมทั้งช่วยให้ผู้ใช้งานมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความสุขมากขึ้น 

 

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

OVAL Collection : www.cotto.com/oval

Credit Photo

http://ravendesignnews.com/wp-content/uploads/2018/03/07_intuitive_design_01.jpg
https://storage.googleapis.com/voicetv-web-assets/original/aW1hZ2UvMjAxOS0wNC8yYjc1ZGRhNWVkMjI1MmVmMGZmNzJlYzAzMDQyNjJkOC5qcGc=.jpg
https://storage.googleapis.com/voicetv-web-assets/original/aW1hZ2UvMjAxOS0wNC9jMzk2Nzg2OWEwYmFlOWZlZjZlMDc0N2QzZTdkMjkzZi5qcGc=.jpg 
https://storage.googleapis.com/voicetv-web-assets/original/aW1hZ2UvMjAxOS0wNC9mNTFhN2I2YzlkMzQ4MTg4NmIyMGVjNjA3ZDc3YWIwZi5qcGc=.jpg

ที่มา

https://dsignsomething.com /2015/06/09/naoto-fukasawa-นักออกแบบผู้สร้างงาน/ 
https://voicetv.co.th/read/ItHndBbFN
https://www.wurkon.com/blog/90-naoto-fukasawa 
https://www.daco-thai.com/oval-collection-cotto/


2. Marc Jacobs นักออกแบบผู้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านเสื้อผ้าอาภรณ์ที่มีอารมณ์ชวนหลงใหล

 

 

            มาร์ค เจค็อบส์ ชื่อนี้เป็นที่รู้จักอย่างดีในบรรดาเหล่าแฟชั่นนิสต้า ผู้ชื่นชอบงานแฟชั่นดีไซน์ที่โดดเด่น ทันสมัย ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานในชีวิตจริง เจค็อบส์เป็นดีไซเนอร์สัญชาติอเมริกันที่เติบโตในนิวยอร์ค ผู้อยู่เบื้องหลังการดีไซน์แบรนด์ดังอย่าง LOUIS VUITTON โดยเขาเริ่มทำงานเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ของตัวเองชื่อ Marc Jacobs ในปี 1993 ซึ่งในงานออกแบบครั้งนั้น เขาได้ถ่ายทอดเรื่องราวของแฟชั่นในทศวรรษ 1970 ผ่านเนื้อผ้าที่มีอารมณ์ชวนหลงใหล ผสานเข้ากับความชำนาญด้านเทคนิคการออกแบบสไตล์วินเทจที่ล้ำสมัย ผลงานนี้ทำให้เขากลายเป็นนักออกแบบอายุน้อยที่สุดที่เคยได้รับรางวัล "Council of Fashion Designers of America" (CFDA)

                และหลังจากที่เขาได้ร่วมงานกับนักร้องระดับโลกมานับไม่ถ้วน ล่าสุดในปี 2019 ทาง MTV ร่วมกับ CFDA ยังได้มอบรางวัลพิเศษในสาขา Fashion Trailblazer ในฐานะของดีไซเนอร์ที่สามารถผสานโลกของดนตรี และแฟชั่นไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว รางวัลพิเศษนี้จะให้เกียรตินักออกแบบแฟชั่นที่นับว่าทรงอิทธิพล และสร้างผลกระทบในหลากหลายมิติในโลกของแฟชั่น     

                ความโดดเด่นของแบรนด์ Marc Jacobs ไม่เพียงแต่เป็นดีไซน์สุดฮิป ที่พกพาเอาความหรูหรามีระดับมาพร้อมกับดีไซน์โฉบเฉี่ยวทันสมัย แต่เสื้อผ้าและเครื่องประดับทุกชิ้นยังคำนึงถึงสรีระผู้สวมใส่ ความสะดวกสบายในการใช้งาน เน้นการใช้งานและสวมใส่ได้อย่าง “ดูดี” ในชีวิตประจำวัน สิ่งสำคัญที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในธุรกิจสายแฟชั่นมาอย่างยาวนานนั้น คือการที่เขาสามารถเข้าใจถึง “แก่นแท้” และ “ความต้องการ” ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง จนทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักออกแบบที่ผู้คนกล่าวขานกันว่าเป็น “ผู้กำหนดทิศทางในวงการแฟชั่น”

 

 

Credit Photo

https://files.vogue.co.th/uploads/00-story-marc-jacobs1.jpg
https://nymag.com/press/2019/06/new-york-collaborates-with-the-marc-jacobs-on-a-collection.html

ที่มา

https://www.vogue.co.th/fashion/article/marcjacobs2019
https://dolce-and-gabbana.org/marc-jacobs-นักออกแบบที่ถูกขนานน/
https://www.metro-society.com/th/fashion/who-marc-jacobs-is
https://www.vogue.co.th/fashion/article/marcjacobs2019


3. Jonathan Ive ชายหนุ่มผู้หลงใหลการออกแบบเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่เรียบง่ายในการใช้งาน

 


                โจนี่ ไอฟ์ คือผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังอย่าง Apple มาตลอด 27 ปี โดยเส้นทางสายออกแบบหลังจบการศึกษาของเขา คือการเปิดบริษัทร่วมกับเพื่อนๆ  ในนาม “Tangerine” ซึ่งเป็นบริษัทรับออกแบบและเป็นที่ปรึกษาทางดีไซน์ แต่อัจฉริยภาพทางการออกแบบของเขาเริ่มเปล่งประกายขึ้น เมื่อเขาได้ร่วมงานกับ Apple Computer โดยผลงานชิ้นแรกของไอฟ์ที่แจ้งเกิดและสร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการคอมพิวเตอร์ก็คือ iMac G3 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหน้าตาเก๋ไก๋ ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ภายนอกโฉบเฉี่ยว ด้วยบอดี้โค้งมนที่บวกกับสีสันสดใส และสามารถมองทะลุเข้าไปเห็นภายใน บวกกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่ผ่านการออกแบบคิดคำนวณมาเป็นอย่างดี ทำให้ iMac เปลี่ยนนิยามของคอมพิวเตอร์ไปตลอดกาล

 

 

                หลังจากนั้นไม่นาน ไอฟ์และทีมงานก็ผลิตผลงานชั้นเยี่ยมออกมาชิ้นแล้วชิ้นเล่า ไม่ว่าจะเป็น Macbook, PowerBook, PowerMac และ Macbook Air รวมทั้งนวัตกรรมชิ้นเล็กจิ๋วอย่าง iPod ที่ได้ปฏิวัติพฤติกรรมการฟังเพลงของผู้บริโภคไปตลอดกาลอย่าง รวมทั้ง iPhone, iPad ซึ่งเป็นสินค้ายอดนิยมที่ใช้กันทั่วโลก

                การทำงานอย่างหนักและใส่ใจรายละเอียดอย่างถ่องแท้ (Focus & Caring) คือปรัชญาการออกแบบของไอฟ์ และสิ่งนี้เองที่ทำให้เขาเป็นดีไซนเนอร์ที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นผู้สร้างสรรค์ความงาม ให้เข้ากับเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ดูสง่างาม บวกกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่เข้าถึงผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ทำให้ iMac และ iPod กลายเป็นสัญลักษณ์ของความล้ำสมัย และทำยอดขายได้สูงเป็นประวัติกาล และล่าสุด ในปี 2019 เขาได้ลาออกจาก Apple หลังจากร่วมงานกันมา 27 ปี เพื่อตั้งบริษัทของตัวเองชื่อ LoveFrom

Credit Photo

https://miro.medium.com/max/2880/1*5l2RTmo2h8pDT5NlGcjmmQ.jpeg
https://www.macthai.com/wp-content/uploads/2014/01/imac-g3.jpg

ที่มา

https://www.voicetv.co.th/read/100409
https://techsauce.co/news/apple-designer-jonathan-ive-resign
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=baansuansabuy&month=08-2009&date=26&group=4&gblog=1
https://thematter.co/brief/jonathan-ive/79659
ข้อมูลจากบทความโดย ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์ https://www.facebook.com/panu.eddie.5/posts/2270852626563768

 

4. Timothy Jacob Jensen เจ้าของผลงานการออกแบบที่คลาสสิค และเปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์

 


ทิโมธี จาคอบ เจนเซ่น ทายาทนักบริหารของผู้ก่อตั้งบริษัทชั้นนำ Jacob Jensen เริ่มต้นอาชีพสายการออกแบบมาตั้งแต่ปี 1978 ด้วยการเป็นลูกมือฝึกหัดให้กับ Jacob Jensen ผู้เป็นพ่อ ปัจจุบันเขาคือหัวหน้านักออกแบบและ CEO ของสตูดิโอ Jacob Jensen Design และได้รับการยกย่องจาก Trendshome Magazine นิตยสารวงการออกแบบของจีน ให้เป็นสุดยอดนักออกแบบแห่งปี 2017 ซึ่งรางวัลนี้จะมอบให้นักออกแบบที่มีผลงานที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างการออกแบบและความรับผิดชอบต่อสังคม หรืออีกนัยหนึ่งคือ เป็นนักออกแบบที่สามารถยกระดับชีวิตหรือพลิกวิถีชีวิตและความเชื่อของผู้คนผ่านงานออกแบบที่ดี และผลงานของจาคอบคือหนึ่งในนั้น

 

 

                Air Quality Monitor คือผลงานที่ Trendshome Magazine ยกให้เป็นผลิตภัณฑ์อันชาญฉลาด ที่แสดงถึงสมดุลอันยอดเยี่ยมระหว่างฟังก์ชั่นการใช้งานที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตกับรูปลักษณ์อันสวยงามได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานง่าย มาพร้อมระบบไฟ 4 สีที่สว่างตามค่าดัชนีคุณภาพอากาศ จึงสามารถอ่านค่าได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่เด็กก็ใช้งานเองได้

จาคอบกล่าวว่า เขาสร้าง Air Quality Monitor เครื่องนี้ขึ้นมาเพราะเห็นความสำคัญของการยกระดับสุขภาพและคุณภาพชีวิตด้วยคุณภาพอากาศ คนเราอยู่ได้เป็นเดือนโดยไม่มีอาหาร และอยู่ได้เป็นสัปดาห์โดยไม่มีน้ำ แต่ถ้าไม่มีอากาศก็อยู่ได้แค่ 5 นาทีเท่านั้น อากาศที่เราใช้หายใจจึงเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญมากที่สุด

               ในปี 2018 จาคอบยังได้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานกับ COTTO ในชุดสุขภัณฑ์ SKIVE Collection ซึ่งประกอบด้วยอ่างล้างหน้า ก๊อกน้ำ โถสุขภัณฑ์ และชุดผนังอาบน้ำ  โดยนำเอาความเรียบง่ายแบบสแกนดิเนเวียน มาสร้างสรรค์ประสบการณ์แบบ Ultra-modern ผสมผสานเทคโนโลยีการผลิตล้ำสมัย ด้วยภาษาการออกแบบอันเรียบง่ายแต่งดงาม จาคอบได้แรงบันดาลใจการออกแบบชุดสุขภัณฑ์ในคอลเลกชันนี้มาจากภูมิทัศน์อันงดงามของเมือง Skive ถ่ายทอดออกมาเป็นรูปทรงและรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ที่แสดงถึงความแตกต่างของสีสัน ผิวสัมผัส และการจัดวางองค์ประกอบ ที่สะท้อนปรัชญาความแตกต่างระหว่างขั้วตรงข้าม ซึ่งปรากฏอยู่ร่วมกันภายใต้ความสมดุลได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

 

ปัจจุบัน สตูดิโอ Jacob Jensen Design ได้กลายเป็นผู้นำการออกแบบผลิตภัณฑ์ในวงการออกแบบระดับสากล มีลูกค้าเป็นแบรนด์ดังระดับโลกมากมาย  เช่น Gaggenau, Vertu, Toshiba, Volvo, Steinway Lyngdorf, Lufthansa, ECCO เป็นต้น Jacob Jensen Design เติบโตจนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง จากแนวทางการออกแบบอันโดดเด่นและวิสัยทัศน์ที่แปรเปลี่ยนสตูดิโอของพวกเขาจากบริษัทออกแบบแนวหน้าของเดนมาร์กไปสู่การเป็นไอคอนทางการออกแบบระดับโลก

ข้อมูลเพิ่มเติม

SKIVE Collection : www.cotto.com/skive

Credit Photo

https://amenitiesmagazine.com/wp-content/uploads/2017/05/CDO_TimothyJacobJensen_JUN2016_Small-683x1024-1.jpg
https://s.isanook.com/hi/0/rp/r/w728/ya0xa0m1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hpLzAvdWQvMjgxLzE0MDcwNjEvamEuanBn.jpg
https://www.cotto.com/common/img/skv/skive-2.jpg
https://www.cotto.com/common/img/skv/skive-6.jpg
https://www.cotto.com/common/img/skv/skive-3.jpg
https://www.cotto.com/common/img/skv/skive-5c.jpg
https://www.cotto.com/common/img/skv/skive-5a.jpg
https://www.cotto.com/common/img/skv/skive-5a.jpg

ที่มา

https://en.prnasia.com/releases/apac/25597-0.shtml
https://www.flashfly.net/wp/146932
https://www.cotto.com/th/skive/jacob-jensen-design/


5. Philippe Patrick Starck ศิลปินผู้เชื่อว่าการคิดค้นสร้างสรรค์คือหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน

 

 

                สตาร์ค เป็นศิลปินชาวปารีส ผู้ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก กระดานวาดภาพ เลื่อย กาว และกองทราย ในห้องทำงานของพ่อ ซึ่งทำงานเป็นนักออกแบบเครื่องบิน

                โดยหลังจากจบการศึกษาจากในปี 1968 สตาร์กได้ก่อตั้งบริษัทดีไซน์แห่งแรกขึ้น โดยมีเขาและ Pirre Cardin เป็นผู้อำนวยการออกแบบ สิ่งที่ทำให้ผลงานของเขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมากก็คือ สไตล์การออกแบบที่ให้ความสำคัญทั้งฟังก์ชันการใช้ไปพร้อมๆ กับดีไซน์ที่โดดเด่น และสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยแทนที่จะเป็นการสร้างงานศิลปะที่หรูหราอลังการจนจับต้องไม่ได้ เขาจะเลือกใช้วัสดุพื้นๆ อย่าง พลาสติก อะลูมิเนียม ผ้ากำมะหยี่ แก้ว หิน หรือโครเมี่ยมแทน สตาร์คได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ออกมาอีกมากมาย ทั้งของใช้ภายในบ้าน ตั้งแต่ของใช้ในบ้าน ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ รวมถึงงานตกแต่งภายใน

                ผลงานที่สร้างชื่อให้กับเขามากที่สุด คือ เครื่องคั้นน้ำผลไม้ ชื่อ Juicy Salif ที่เขาออกแบบให้กับ Alessi บริษัทผลิตอุปกรณ์เครื่องครัวในอิตาลี ในปี 1980  โดยพิพิธภัณฑ์ศิลปะในนิวยอร์คถึงกับขนานนามให้เครื่องคั้นน้ำผลไม้ชิ้นนี้ว่าเป็น “งานศิลปะในครัว”

 

 

                มีคำวิจารณ์มากมายเกี่ยวกับผลงานชิ้นนี้ บางก็ว่าใช้งานได้ไม่ดีนัก บ้างก็ว่าดีไซน์โดดเด่นเกินฟังก์ชันการใช้งาน แต่อย่างไรก็ตาม ที่น้ำผลไม้เครื่องนี้ก็ได้ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์ นั่นคือขยับงานศิลปะให้เข้าใกล้กับของใช้ในบ้านมากขึ้น จากนั้นเป็นต้นมา ผลงานของเขาก็ได้จุดประกายให้กับวงการออกแบบได้อย่างแท้จริง

Credit Photo

https://www.baanlaesuan.com/app/uploads/2017/08/starck-james-bort.jpg
https://firebasestorage.googleapis.com/v0/b/rooft-1534332379622.appspot.com/o/Articles%2FPhilippe%20Starck%2Fphilippe-starck-1%402x.jpg?alt=media&token=699255d2-91e1-41c9-85c9-d9957627545e

ที่มา

https://blog.sansiri.com/khun-by-yoo-presents-juicy-salif-lemon-squeezer/
http://bigthanapol.blogspot.com/2013/02/philippe-starck.html
https://rooft.co/th/article/philippe-starck-and-yoo-studio/5c9c8ac9c52caf4c8a97f612


6. Dietrich Lubs Dieter Rams นักออกแบบที่เชื่อว่าการออกแบบที่ดีคือการตัดทอน “สิ่งไม่จำเป็น”

 

 

            ดีเทอร์ รามส์ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะนักออกแบบที่ปฏิวัติรูปแบบเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ Braun เขาเป็นนักออกแบบที่เชื่อในแนวคิด “Less is Better” โดยมองว่างานออกแบบที่ดีต้องมีความตรงไปตรงมา ใช้งานง่าย และที่สำคัญต้องผ่านกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ ทนทาน และแข็งแรง แนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์ของเขาจึงเป็นไปในลักษณะที่ "ตัดทอนสิ่งไม่จำเป็น" เพื่อให้เหมาะกับสรีระและสิ่งแวดล้อมของผู้ใช้งาน แต่มีคุณภาพที่ตอบสนองผู้ใช้ได้อย่างเหนือกาลเวลา

                รามส์เคยเป็นหัวหน้าทีมออกแบบของบริษัท Braun ซึ่งผลิตสินค้ามากมาย ตั้งแต่เครื่องชงกาแฟไปจนกระทั่งชุดเครื่องเสียง โดยในปี ค.ศ.1956 รามส์ได้พัฒนาเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ชื่อว่า “Snow White’s Coffin” เครื่องเล่นแผ่นเสียงชุดนี้มีความพิเศษที่ตัวเครื่องทำจากไม้ แต่กลับมีฝาที่ทำจากพลาสติกใส ทำให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นอุปกรณ์ที่อยู่ด้านในได้ทั้งหมด รวมทั้งรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเรียบง่ายแต่ดึงดูด ทำให้ Snow White’s Coffin กลายเป็นตำนานของเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ออกแบบได้ล้ำสมัยสุดๆ ในยุคนั้น

 


                ต่อมาในปีค.ศ.1958 รามส์ได้ออกแบบลำโพงเครื่องเสียงชื่อว่า “L2 Loudspeaker” เป็นลำโพงที่ดูสวยโปร่ง สะอาดตา และมีขาตั้งที่ทำจากเหล็ก เขาได้พิสูจน์ให้โลกเห็นว่าลำโพงสามารถมีขนาดเล็กลง และดูสวยงามกว่าเดิมได้ โดยที่คุณภาพเสียงไม่จำเป็นต้องลดลงเลย

 

 

                L2 Loudspeaker ได้กลายเป็นผลงานที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับการออกแบบวิทยุพกพาและเครื่องเล่น MP3 ที่มีขนาดเล็กลง และสามารถพกพาได้ ผลงานของรามส์หลายชิ้นมีอิทธิพลต่อการออกแบบผลิตภัณฑ์รุ่นหลังเป็นจำนวนมาก และนั่นทำให้ชื่อของดีเทอร์ รามส์ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

Credit Photo

https://spreadsbkk.com/wp-content/uploads/2019/07/rams_still7.jpg
https://scontent.fbkk12-4.fna.fbcdn.net/v/t1.0- 9/50493382_546527099161908_1668889175849435136_o.png?_nc_cat=103&ccb=2&_nc_sid=730e14&_nc_eui2=AeFbFyPL3xEhfK mYrPHrDvu8oVuxsSpm3EyhW7GxKmbcTK02X2WiuzGTIEayC7wIoSSJ4AAbUIPspIHkeKvHrmb5&_nc_ohc=aPl6w1OUitoAX9GGJ97 &_nc_ht=scontent.fbkk12-4.fna&oh=98a69d1a8e8083840019215199b9ce63&oe=5FEE9934
https://elumina.me/wp-content/uploads/2017/04/elumina-inspiration-dieter-rams-10-design-commandments-10-principles-of-good-design-l2-speaker-cover.jpg

ที่มา

https://www.style-stay.com/brand/braun/
https://spreadsbkk.com/dieter-rams-documentary/
http://www.tcdc.or.th/articles/design-creativity/14980/#Design-Icon--ดีเทอร์-รัมซ์-Dieter-Rams-
https://elumina.me/blog/the-dieter-rams-famous-10-principles-design-never-to-be-forgotten/


7. Angela Ferguson ดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบออฟฟิศให้กลายเป็นสถานที่ผลิตความคิดสร้างสรรค์ และเติมพลังอันเหลือล้น

 


 
                แองเจล่า เฟอร์กูสัน คือดีไซเนอร์สาวผู้อยู่ในวงการออกแบบมากกว่า 20 ปี และเป็นเจ้าของผลงานการออกแบบออฟฟิศ Google ที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนทั่วโลกมาแล้ว            
เธอเป็นนักออกแบบผู้ซึ่งมองเห็นถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ทุกวันนี้เราต่างอยู่ในโลกที่การเมือง สิ่งแวดล้อม และออฟฟิศกลับกลายเป็นพื้นที่ที่ทำให้เรา “หมดพลัง” ในฐานะนักออกแบบ เธอจึงต้องสร้างพื้นที่ที่สร้างแรงบันดาลใจขึ้นมาใหม่ โดยเริ่มจากการออกแบบสภาพแวดล้อมของการทำงาน เนื่องจากพนักงานต้องใช้ชีวิตอยู่ในออฟฟิศวันละหลายชั่วโมง การสร้างสรรค์พื้นที่


ทำงานให้กลายเป็นแหล่งรวบรวมความคิดสร้างสรรค์และแหล่งเติมพลัง จึงกลายเป็นสิ่งที่จำเป็น

 


                ผลงานการออกแบบของเธอนั้น ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตของผู้คนเป็นอย่างมาก เธอนำหลักการใช้ชีวิตแบบใกล้ชิดธรรมชาติมาใช้ในการออกแบบ โดยทำลายกรอบเดิม ๆ ของห้องทำงานที่เป็นห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ และเต็มไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์วางเรียงราย และนำอารมณ์ของ Outdoor life อย่างกีฬากลางแจ้งมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ด้วยการเปลี่ยนคอมพิวเตอร์เป็นผนังทัชสกรีน เพื่อให้ทุกคนได้ทำงานร่วมกัน  และเนื่องจากออสเตรเลียเป็นประเทศที่อยู่ใต้สุดของโลก เธอจึงออกแบบห้องห้องหนึ่งที่สร้างความสนุกสนานและความประทับใจให้กับทุกคน โดยเป็นห้องที่เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะพบว่าของให้นี้ทุกอย่างจะอยู่กลับหัว ออฟฟิศ Google จึงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และความสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นผลมาจากหลักในการออกแบบที่คำนึงความต้องการในการใช้ชีวิตของผู้คนเป็นหลัก

Credit Photo

https://generalassemb.ly/instructors/angela-ferguson/6473 https://mpics.mgronline.com/pics/Images/560000007984802.JPEG
https://mpics.mgronline.com/pics/Images/560000007984804.JPEG
https://mpics.mgronline.com/pics/Images/560000007984807.JPEG
https://mpics.mgronline.com/pics/Images/560000007984803.JPEG

ที่มา

https://www.smh.com.au/business/small-business/how-to-create-the-perfect-office-for-your-business-20161124-gswtfk.html
https://www.buildernews.in.th/news-cate/news-updates/19526
https://mgronline.com/live/detail/9600000069052
https://brandinside.asia/design-google-office-idea/

8. Piero Lissoni นักออกแบบแนว Minimalism ที่สมบูรณ์แบบทั้งในด้านความงดงามและประสิทธิภาพการใช้งาน


ปิเอโร่ ลิซโซนี่ สถาปนิกและนักออกแบบระดับโลกชาวอิตาลี ที่ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ผ่านผลงานดีไซน์แบบ Minimalism ตัดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออก โดดเด่นในประโยชน์การใช้งาน มีเสน่ห์เรียบง่ายสไตล์โมเดิร์น จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นนักออกแบบแนว Minimalism ระดับแถวหน้าของวงการสถาปนิกโลก
                ความเรียบง่ายที่เป็นเอกลักษณ์ในงานดีไซน์ของ ปิเอโร่ ลิซโซนี่ ล้วนผ่านการคิดที่ละเอียดและซับซ้อน เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบทั้งในด้านความงามและประสิทธิภาพในการใช้งาน ซึ่งทำให้ผลงานของเขาได้รับรางวัลเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากมาย รวมทั้งได้รับเกียรติให้บันทึกชื่อใน Hall of Fame of Design ที่นิวยอร์กเมื่อปี 2005 ซึ่งถือเป็นเกียรติยศสำคัญชิ้นหนึ่งของวงการสถาปนิกโลก

 


และอีกหนึ่งผลงานคือ เก้าอี้เรียบเก๋ จาก Kartell  ซึ่งได้รับการการันตีด้วยรางวัล Red Dot Award เขาได้พลิกโฉมการออกแบบ และปฏิวัติวงการเฟอร์นิเจอร์ด้วยการใช้เทคนิคใหม่ในการขึ้นรูปผสานด้วยเทคโนโลยีและวัสดุเฉพาะกลายเป็นเก้าอี้ที่มีความบาง น้ำหนักเบา แต่คงทน มีน้ำหนักเบา ลุคทันสมัยแบบมินิมอลลิสม์

 

 

                ในปี 2015 เขาได้ร่วมกับ COTTO สร้างสรรค์ผลงานสุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำและกระเบื้อง ในแพทช์เวิร์ค คอลเล็กชั่น (‘Pætchwork/ Collection) ผ่านแนวคิดและเส้นสายอันแสนเรียบง่าย ใช้งานได้สะดวกสบาย โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การผสมผสานเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมตะวันออกลงในงานดีไซน์แบบตะวันตก มีความประณีต ซับซ้อนทั้งอารมณ์ของเส้นสายและแสงเงา แต่รูปทรงถูกลดทอนจนเหลือเพียงความเรียบง่ายที่โดดเด่นลงตัว ทั้งในด้านประโยชน์การใช้งานและความงามในสไตล์ Italian Elegance ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ในงานออกแบบของปิเอโร่ ลิซโซนี่ ซึ่งยึดหลักความสมดุลในสัดส่วน การหาจุดร่วมในความต่างจากมุมมองที่เฉียบคม เพื่อให้ได้มาซึ่งความสมบูรณ์แบบทั้งในด้านความงดงามและประสิทธิภาพ

ข้อมูลเพิ่มเติม

Pætchwork Collection : www.cotto.com/paetchwork

Credit Photo

http://i1.wp.com/www.iurban.in.th/wp-content/uploads/2016/09/88436-Lissoni-Piero.jpg
https://www.dooddot.com/wp-content/uploads/2015/08/Patchwork_Collection_006.jpg     
https://www.dooddot.com/wp-content/uploads/2015/08/Patchwork_Collection_002.jpg   
https://www.dooddot.com/wp-content/uploads/2015/08/Patchwork_Collection_009.jpg 
https://www.dooddot.com/wp-content/uploads/2015/08/cotto-dooddot-01.jpg          
https://img.edilportale.com/news/j_58357_04.jpg

ที่มา

https://www.cotto.com/th/paetchwork/piero-lissoni/
https://www.dooddot.com/cotto-x-piero-lissoni-paetchwork-collection/
https://reviewiurbanthai.blogspot.com/2016/09/minimalism-at-iurban.html
https://www.iurban.in.th/people/pierolissoni/

9. Guo Pei ดีไซเนอร์ทรงพลัง ผู้สะกดใจคนทั้งโลก

 

 

                 กัว เป่ย เกิดในปี 1967 ซึ่งเป็นยุคที่จีนเพิ่งผ่านการปฏิวัติวัฒนธรรม ทำให้ทุกคนอยู่ในสภาพที่ยังไม่มีเสื้อผ้าสวยงามสวมใส่ ส่วนมากจะใส่ยูนิฟอร์ม หรือไม่ก็ชุดสีเทาหรือสีดำเหมือนๆ กัน เธอเห็นช่องว่างตรงนั้นจึงได้เลือกเรียนออกแบบแฟชั่นดีไซน์

                โดยความวิจิตรบรรจงที่ปรากฏในผลงานของเธอ ล้วนแล้วแต่ได้รับแรงบันดาลใจจากราชวงศ์จีนทั้งสิ้น เพราะเธอมองว่าแก่นแท้ของวัฒนธรรม สิ่งที่ดีที่สุดต่างถูกรวบรวมอยู่ในราชสำนักเสียเป็นส่วนมาก ทำให้ผลงานของเธอมีความอลังการโดยเน้นการปัก โครงชุดที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งแต่ละชุดต่างใช้เวลาทำนับหมื่นชั่วโมง

[The First Monday In May - Film]
และนั่นทำให้เธอกลายเป็นดีไซเนอร์กูตูร์ระดับโลก ผู้สร้างสรรค์ชุดคลุมเหลืองนกนาคารีในตำนานที่ริฮานน่าใส่ไปเฉิดฉายบนพรมแดง The Met Gala 2015 จนสร้างเสียงฮือฮาไปทั่วโลก

 

 

                แบรนด์ Guo Pei ของเธอเองก็กลายเป็นไฮไลต์เด่นของงาน และถูกยกย่องจากสื่อหลายสำนักว่าผลงานของเธอคือหัวใจของวัฒนธรรมจีนอย่างแท้จริง

                โดยในปี 2016 นิตยสาร Times ได้จัดให้เธอเป็น 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลของโลก โดย Times ได้ยกย่องให้ผลงานของเธอคือศิลปะที่ไร้ขอบเขต ไม่ว่าคุณจะมาจากไหน โลกตะวันตกหรือตะวันออก คุณก็สามารถเข้าใจและหลงไหลในความอลังการนั้นได้

Credit Photo

https://images.squarespace-cdn.com/content/v1/5575b36ee4b084ce7380b9bb/1483375962459-TKY5M1RMSPTHNRISPXU0/ke17ZwdGBToddI8pDm48kDXVW7t3j4R4i2pe06YSldh7gQa3H78H3Y0txjaiv_0fDoOvxcdMmMKkDsyUqMSsMWxHk725yiiHCCLfrh8O1z5QHyNOqBUUEtDDsRWrJLTmmV5_8-bAHr7cY_ioNsJS_6vo5KeGFG9a8vagGMIeaZbao0qIC6Yg1KC4xZ1nG9Kb/image-asset.jpeg?format=750w
https://insideoutstyleblog.com/wp-content/uploads/2016/04/Rihanna-in-Guo-Pei-2048x1024.jpg

ที่มา

https://www.jeab.com/style-beauty/style/5-things-about-guo-pei  
https://www.nylonthailand.com/ the-80s-are-back-ย้อนยุค-80s-พร้อมระเบิดค/   
https://mgronline.com/live/detail/9600000036536
http://www.guo-pei.fr/bio

10. ยานางิ โซริ (Yanagi Sori)  นักออกแบบชาวญี่ปุ่นผู้หลงใหลในแนวคิด Modern decorative art has no decoration

 

 

                ยานางิ โซริ เป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้บุกเบิกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการก่อตั้งและเป็นผู้พัฒนาการออกแบบสินค้าอุตสาหกรรมหลังสงครามในญี่ปุ่น

                เขาหันมาสนใจเรื่องการออกแบบ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวของเลอ กอร์บูซีเย (Le Corbusier) สถาปนิกและนักออกแบบชื่อดังชาวสวิตเซอร์แลนด์  ยานางิ โซริหลงใหลในแนวคิดที่ว่า “การตกแต่งที่แท้จริงจะอยู่ในที่ที่ไม่มีการตกแต่ง (Modern decorative art has no decoration) ซึ่งเป็นแนวคิดที่เขาได้ยินมาจากการเข้าร่วมฟังการบรรยายของทาเคฮิโกะ มิสุทานิ (Mitsutani Takehiko) ในประเทศเยอรมนี

                หลักในการทำงานของยานางิ โซริ จะมุ่งเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งานยืนยาวและมีประโยชน์ใช้สอยในชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริง ชิ้นงานส่วนใหญ่จะเกิดจากการนำกลิ่นอายตะวันตกมาผสานเข้ากับขนบธรรมเนียมดั้งเดิมของญี่ปุ่น  ยึดหลักการทำงานที่มุ่งเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผู้ใช้ตกหลุมรัก โดยคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลัก จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ดีไซน์เรียบง่ายแต่เอื้อประโยชน์ต่อผู้ใช้ ภายใต้หลักการทำงานที่ชัดเจนนี้เอง จึงทำให้ผลงานของยานางิเป็นที่กล่าวขานเป็นอย่างมาก

 

 

                ผลงานชิ้นที่สร้างชื่อเสียงให้เขามากที่สุดคือ Butterfly Stool ซึ่งผลิตขึ้นในปี 1956  ผลงานชิ้นนี้เป็นเก้าอี้ที่รูปทรงและเส้นสายของเก้าอี้แปลงมาจากงานสถาปัตยกรรมญี่ปุ่น ความสวยงามของเก้าอี้ตัวนี้เกิดจากรูปทรงอิสระจากธรรมชาติ จากแบบแม่พิมพ์งานชิ้นเดียว ทั้งที่เป็นรูปทรงอิสระ แต่กลับมีความสวยแบบสมดุล ตรงกับแนวคิดการทำงานของเขาที่ว่า ‘ความสวยงามที่แท้จริงเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องใส่อะไรเพิ่มเติม’  ผลงานชิ้นนี้ได้รางวัลเหรียญทองสาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่มิลาน ประเทศอิตาลี เรียกว่าเป็นผลงานที่ยกระดับให้เขากลายเป็นนักออกแบบรุ่นบุกเบิกของชาวเอเชีย ที่ได้รับการยกย่องจากวงการออกแบบทั่วโลก

Credit Photo

http://www.daybedsmag.com/wp-content/uploads/2020/07/5-1-1024x576.jpg
https://kiji.life/newkiji/wp-content/uploads/2020/03/Logo-FCM_1798.jpg

ที่มา

http://www.daybedsmag.com/yanagi-sori/
https://kiji.life/yanagi-sori-design/
http://teemgroup.blogspot.com/2010/12/butterfly-stool-1956.html